ข่าวแม่สอด  :  พายุฝนถล่มอย่างหนักต่อเนื่อง ก่อนน้ำป่าจะไหลท่วมโรงเรียนแม่สลิดหลวง

        รายงานข่าวแจ้งว่า หลังเกิดพายุฝนตกอย่างหนักติดต่อกันหลายชั่วโมงในพื้นที่เชิงเขาติดกับหมู่บ้านแม่สอง หมู่ที่ 2 ตำบลแม่สอง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ส่งผลทำให้เกิดน้ำป่าสีแดงขุ่นผสมกองโคลนจำนวนมากไหลหลากจากยอดเขาด้วยความเร็วสูง ถล่มเข้าไปภายในพื้นที่หมู่บ้านชาวเขาแม่สอง และไหลถล่มเข้าไปในเขตโรงเรียนบ้านแม่สลิดหลวงวิทยา ซึ่งตั้งอยู่ติดกับเชิงเขาและติดกับลำห้วยแม่สอง เมื่อเวลา 21.30 น.เศษที่ผ่านมา (19 ก.ย.)

พายุฝนถล่มอย่างหนักต่อเนื่อง ก่อนน้ำป่าจะไหลท่วมโรงเรียนแม่สลิดหลวง

        โดยกระแสน้ำป่าที่ไหลอย่างเชี่ยวกรากทะลักเข้าท่วมภายในอาคารเรียนสูง 2 ชั้น ซึ่งชั้นล่างเป็นห้องเรียนคอมพิวเตอร์ มีเครื่องคอมพิวเตอร์พังเสียหายไปกว่า 80 เครื่อง ตลอดรวมถึงอาคารห้องพยาบาล และห้องสื่อการเรียนการสอนทุกห้องก็ถูกน้ำป่าไหลเข้าท่วมมีระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร จนทำให้อุปกรณ์การเรียนพังเสียหายทั้งหมด และน้ำป่ายังได้กัดเซาะคอสะพานกลางโรงเรียนจนขาดนไม่สามารถใช้การได้

       ขณะเกิดเหตุซึ่งเป็นเวลากลางดึก นักเรียน-ครูรวมกว่า 250 คน ซึ่งส่วนใหญ่กำลังนอนหลับอยู่ภายในอาคารเรือนนอนของโรงเรียน ต่างตกใจรีบปลุกกันตื่นอย่างโกลาหล ก่อนครูเวรจะรีบพานักเรียนทั้งหมดพยายามฝ่ากระแสน้ำป่าออกมาจากตัวอาคารเรือนนอนได้สำเร็จท่ามกลางความมืดมิดเนื่องจากกระแสไฟฟ้าดับ แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่นักเรียนหลายคนก็ยังอยู่ในอาการตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

พายุฝนถล่มอย่างหนักต่อเนื่อง ก่อนน้ำป่าจะไหลท่วมโรงเรียนแม่สลิดหลวง

        เบื้องต้นนายสืบพงษ์ นิ่มพูลสวัสดิ์ นายอำเภอท่าสองยาง ได้สั่งการด่วนให้เจ้าหน้าที่เข้าไปให้การช่วยเหลือชาวบ้าน และเด็กนักเรียนทั้งหมดที่นอนพักอาศัยหลบภัยชั่วคราวอยู่ภายในศาลาวัดแม่สลิดหลวง ซึ่งเป็นวัดอยู่บนดอยสูงห่างจากโรงเรียนราว 500 เมตร และสั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตระดับน้ำป่าอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในพื้นที่เชิงเขาสูงยังมีฝนตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่อง และช่วงเช้าวันนี้ (20 ก.ย.) จะดำเนินการสำรวจความเสียหายอีกครั้ง

        ทั้งนี้ มีรายงานว่าน้ำป่าลดระดับลงในเวลา 23.00 น.เศษ แต่นักเรียนทุกคนยังคงหลบภัยนอนพักอยู่ที่ศาลาวัดแม่สลิดหลวงเป็นการชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย

 

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ  :  http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9590000094520