สุขภาพ : อึ๋มซ่อนเสี่ยง! แพทย์เตือน “วงการนี้มันดาร์ก” ระวัง..หมอใหม่หัดศัลย์

อึ๋มซ่อนเสี่ยง! แพทย์เตือน "วงการนี้มันดาร์ก" ระวัง..หมอใหม่หัดศัลย์

       ตาดีได้ ตาร้ายเสีย! ระวัง หมอจบใหม่ไม่ได้เรียนเฉพาะทาง อบรมแค่ 3 วันแต่ดันเปิดคลินิกเสริมหน้าอกแล้ว ด้านหมอศัลย์เตือน วงการเสริมความงามมันดาร์ก ราคาถูก – รีวิวเวอร์ ยิ่งเชื่อไม่ได้!!

อบรม 3 วัน ก็เสริมอึ๋มได้?!

      กลายเป็นประเด็นดรามาสะเทือนวงการความสวยความงามอยู่ในขณะนี้ หลังจากที่เพจเฟซบุ๊ก “OR No.9 เรื่องเล่าจากห้องผ่าตัด” เพจของแพทย์ที่คอยอัปเดตข้อมูลทางการแพทย์ ที่มีผู้ติดตามกว่า 112,000 คน ออกมาเปิดเผยเตือนภัย เกี่ยวกับการทำศัลยกรรมยอดฮิตคือ การผ่าตัดเสริมหน้าอก

       เพจดังกล่าวระบุว่า มีหญิงสาวนางหนึ่งที่ประกอบอาชีพพริตตี้ มาขอตรวจเลือดและเอ็กซ์เรย์ เพื่อจะนำไปประกอบการทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก ณ คลินิกแห่งหนึ่ง จึงมีการสอบถามข้อมูลของแพทย์ที่คลินิกนั้น ทั้งชื่อ นามสกุล และเลขใบประกอบวิชาชีพ เมื่อเข้าที่เฟซบุ๊กของคลินิกดังกล่าวก็พบการรีวิวเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีราคาถูกกว่าคลินิกแห่งอื่นอีกด้วย

       แต่เมื่อทำการตรวจสอบไปเรื่อยๆ ก็พบว่า แพทย์รายนี้เพิ่งจบการศึกษามาเพียงปีเดียว และไม่ได้ผ่านการเป็นแพทย์เพิ่มพูนทักษะ แต่มีใบ certificate เกี่ยวกับความสวยความงามจากต่างประเทศ ที่ใช้เวลาอบรมเพียง 2 – 3 วันเท่านั้น ถือว่าเป็นระยะเวลาที่สั้นมาก! 
       ทางเพจจึงได้ฝากเตือนว่า อย่าหลงเชื่อคลินิกศัลกรรมที่มีรีวิวเยอะ เพราะสมัยนี้มีโปรแกรมตัดต่อภาพมากมาย และอย่าเห็นแก่ของถูก รวมถึงแนะนำว่าควรตรวจสอบรายชื่อแพทย์ผ่านทางเว็บไซต์ https://www.tmc.or.th/check_md/เพื่อประโยชน์ของตนเอง
       หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกส่งต่อกันไปบนโลกออนไลน์ ก็สร้างความตื่นตัวให้แก่ผู้ที่เคยศัลยกรรมไปแล้ว และผู้ที่มีแพลนจะเสริมสวยอีกเป็นจำนวนมาก ให้ฉุกคิดและตรวจสอบแพทย์และคลินิกให้รอบคอบก่อนตัดสินใจไปนอนให้แพทย์จดมีดลงบนร่างกาย
       ส่วนความคืบหน้าของเหตุการณ์นี้ เพจต้นเรื่องได้อัปเดตเพิ่มเติมว่า สาวพริตตี้ที่เข้ามาขอตรวจเลือดนั้น แม้จะรับฟังคำแนะนำ แต่ท้ายที่สุดก็ยังเลือกที่จะไปเสริมหน้าอกที่คลินิกดังกล่าวอยู่ดี
       “อย่างว่าครับ เดี๋ยวนี้การโฆษณาทำให้เกิดการหลงเชื่อได้ง่าย ยากที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดเวลาหลงผิดไปแล้วด้วยครับ” เพจ “OR No.9 เรื่องเล่าจากห้องผ่าตัด” ระบุ
      แม้เหตุการณ์ที่เพจดังกล่าวนำมาบอกต่อจะยังไม่ทราบว่าเป็นคลินิกแห่งใดและยังไม่ปรากฏผู้เสียหาย แต่หากย้อนไปก่อนหน้านี้เพียงไม่ถึง 2 สัปดาห์ ก็จะเจอกับเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันเกี่ยวกับการศัลยกรรมโดยแพทย์ที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชาชีพศัลยแพทย์เช่นกัน แต่โชคร้ายที่เหตุการณ์นั้นมีคนหลงเชื่อและตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดเสริมหน้าอก เนื่องด้วยเหตุผลเดียวกันคือ “คลินิกแห่งนี้ราคาถูกกว่าที่อื่น”

      ของถูกและดี มีอยู่จริงในโลก แต่ไม่ใช่กับกับการศัลยกรรมครั้งนั้น เพราะการผ่าตัดเสริมหน้าอกในราคา 20,000 กว่าบาทที่โฆษณาผ่านทางโลกโซเชียลฯ โดยอ้างว่าทำโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง กลับมีผู้เสียหายจำนวนมากที่หลงเชื่อและกลายเป็นการทำศัลยกรรมที่ผิดพลาด เพราะหน้าอกที่เสริมมาเกิดเน่า มีอาการเจ็บปวด ทั้งเลือดและหนองไหลซึมตลอดเวลา อีกทั้งรูปทรงของหน้าอกยังผิดรูป ซึ่งแพทย์และสถานเสริมความงามดังกล่าวไม่แสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหาย

       ดังนั้นผู้เสียหายจึงรวมตัวกันไปร้องทุกข์ต่อศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เพื่อดำเนินคดีและนำไปสู่การขยายผลจับกุมเครือข่ายหลอกลวงทำศัลยกรรมที่ แอลบีคลีนิก จ.ปทุมธานี , เอ็มซีคลีนิก ย่านพหลโยธิน และมาสเตอร์พีซคลินิก ย่านสยามสแควร์ ทั้งตัวเอเจนซีจัดหาและแพทย์ ในข้อหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัส, ร่วมกันก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์” ได้ในที่สุด

วงการศัลย์มันดาร์ก!

       เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ตกเป็นเหยื่อของการศัลยกรรมจากผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ “หมอเกมส์ – นพ.อดุลย์ชัย ธรรมาแสงเสริฐ” กรรมการบริหารสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทยที่มาเล่าว่ากว่าจะเป็นหมอศัลย์ฯ ได้ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง และเรื่องราวในวงการการเสริมความงาม ที่บอกเลยว่า วงการนี้มันดาร์ก!

       “เวลาเราจะเรียนต่อแพทย์ เราจะต้องจบหมอรักษาโรคทั่วไปก่อน 6 ปี โดยปกติแล้วในช่วงที่เรียนอยู่ก็ไม่ได้ลงลึกทางด้านใดๆ มากมาย ก็พอที่จะรักษาได้ ถ้าจบมาก็จะมีผ่าตัดไส้ติ่ง ทำไส้เลื่อน ซึ่งเป็นพื้นฐานที่คนจบแพทยศาสตรบัณฑิตพึงจะทำได้สมมติว่าหมอคนนั้นติดใจในการช่วยเหลือผู้ป่วยโดยการผ่าตัด เขาก็จะมาเรียนเฉพาะทางทางด้านศัลยกรรมทั่วไปอย่างน้อย 4 ปี ก็จะจบเป็นศัลยแพทย์ทั่วไป ทำผ่าตัดได้ตั้งแต่หัวจดเท้า แต่โดยปกติศัลยแพทย์ทั่วไปมักจะรักษาเรื่องในช่องท้องมากกว่า

        นพ.อดุลย์ชัย ธรรมาแสงเสริฐ กรรมการบริหารสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย  ถ้าเขาอยากจะเรียนลึกซึ้งมากขึ้นไปอีก เขาก็จะไปเรียนศัลยกรรมตกแต่ง พวกเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ ความงาม ต่ออวัยวะ ต้องเรียนต่ออีก 3 ปี รวมเป็น 13 ปี แต่มีอีกหลักสูตรหนึ่งซึ่งรับน้อยกว่ามากๆ เพราะส่วนใหญ่อาจารย์จะรับคนที่จบศัลยกรรมมาแล้ว คือหลักสูตรเรียนศัลยกรรมตกแต่งเน้นเลย 5 ปี ก็จะย่นระยะเวลาเหลือ 11 ปี แต่พวกนี้เขาจะได้ประกาศนียบัตรศัลยแพทย์ตกแต่ง ไม่เหมือนกับหมอที่เรียนหลักสูตร 13 ปี คือจะได้หลักสูตรศัลยแพทย์และศัลยแพทย์ตกแต่ง อย่างหมอเองได้ 2 ใบ ทำได้ทุกอย่างบนโลกนี้ที่เป็นการศัลยกรรม”

        เมื่อถามต่อไปว่า ในกรณีของแพทย์ทั่วไป สามารถทำศัลยกรรมได้หรือไม่ หมอเกมส์ก็ให้คำตอบว่า มีช่องว่างทางกฎหมาย แต่ก็ไม่ควรทำ

        “เขาจะมี พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม ปี 2525 เกือบ 40 ปีมาแล้ว เขาไม่ได้ห้ามทำ เพราะสมัยนั้นคณะแพทย์ฯมันน้อย หมอจบมานิดเดียว แต่เวลามันผ่านไป พ.ร.บ.ฉบับนี้มันยังไม่ได้แก้ไข พอมีคนมาถามว่าหมอทั่วไปทำได้ไหม ก็ทำได้ แต่ทำได้แล้วเมื่อเกิดปัญหาขึ้นถึงโรงถึงศาล ศาลเขาก็จะมาถามว่าคุณหมอเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งหรือเปล่า ถ้าบอกว่าเป็นหมอทั่วไป เขาก็จะย้อนกลับมาว่า ในเมื่อไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทำไมถึงคิดจะทำ

         คือมันไม่ได้ห้ามด้วยตัวกฎหมาย แต่มันห้ามด้วยจริยธรรม เมื่อคุณไม่ได้เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คุณก็ไม่ควรกระทำ เพราะถ้ามันเกิดปัญหาขึ้นมามันก็จะเกิดความสูญเสียกับผู้ป่วย เราต้องเอาผู้ป่วยเป็นสำคัญ ถ้าคุณคิดว่าผู้ป่วยเป็นญาติคุณ คุณจะทำไหม อย่างกรณีที่เป็นข่าวไปดูงานที่เกาหลีมา 3 วัน แล้วกลับมาเสริมหน้าอกเลย แล้วในข่าวก่อนหน้านี้บอกเสริมหน้าอกราคา 20,000 บาท ปกติซิลิโคนนมที่ได้มาตรฐานคู่หนึ่งก็ประมาณ 14,000 แล้วนะ แล้วเขาเอาอะไรใส่เข้าไปล่ะ”

         นอกจากนี้ หมอเกมส์ ยังเล่าต่อไปว่า ปัจจัยที่คลินิกศัลยกรรมสมัยนี้ได้รับความนิยมมาก เพราะปัจจุบันมีการทำโฆษณาที่เกินจริง รวมถึงตัวแพทย์ที่ไม่ใช่ศัลยแพทย์ก็รู้เห็นเป็นใจในการสนับสนุนด้วย!

        “ถ้ามนุษย์เรามีความนับถือตัวเองก่อน คุณก็จะพึงพอใจในสิ่งที่คุณเป็น มันก็ไม่จำเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ประเด็นคือ เราไม่มั่นใจในตัวเอง และยิ่งมีการทำการตลาดสูง รายการทีวีเกาหลีมาศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต คนก็เลยรู้สึกว่าถ้าสวยขึ้นก็จะได้โอกาสในชีวิตมากขึ้น แล้วศัลยแพทย์ตกแต่งในไทยมี 396 คน แต่คลินิกเสริมความงามเยอะมาก หมอตอบได้เลยว่าหมอทั้ง 396 คนนี้ก็ไม่ได้เปิดคลินิกหมดอยู่แล้ว ก็เลยกลายเป็นว่าหมอทั่วไปเปิดคลินิก ไปเรียนมาแป๊บๆ ก็โฆษณาหน่อย จ้างพริตตี้มา

        เดี๋ยวนี้คลินิกที่เห็นส่วนใหญ่อาจจะไม่ใช่แพทย์เปิดนะ เอเจนซีศัลยกรรมส่งตามคลินิก พอร่ำรวยแล้วเปิดคลินิกเองนะครับแล้วจ้างหมอมาแขวนป้าย มันเลยกลายเป็นช่องว่างทางกฎหมาย เปิดช่องให้ว่าผู้ประกอบการกับผู้ดำเนินการสถานพยาบาลไม่จำเป็นต้องเป็นคนเดียวกัน ผู้ประกอบการไม่ได้ห้ามว่าต้องเป็นแพทย์ ส่วนผู้ที่ทำต้องเป็นแพทย์เพราะฉะนั้นพอเป็นคนละคนก็กลายเป็นว่าคลินิกความงามที่เห็นอาจจะเกือบ 50 % ไม่ใช่แพทย์เป็นผู้เปิด แต่แพทย์เป็นลูกน้อง

        แล้วคลินิกพวกนี้เวลาทำการตลาดสุดยอด ไม่ได้สนใจจริยธรรมใดๆ ทั้งสิ้น ต้องการขายอย่างเดียว หรือแม้แต่เจ้าของทำเอง ฉีดเองเลย นี่คือวงการนี้จริงๆ มันดาร์กมาก มันถึงได้เกิดประเด็นว่ามีหมอเถื่อนเปิดคลินิกไง แล้วตอนเปิดคลินิกจะมีอีกว่าเป็นแบบไหน สมมติเป็นศัลยแพทย์ คลินิกศัลยกรรมเฉพาะทาง มีบริการห้องผ่าตัดเสริม อย่างนี้เขาให้เปิดได้ แต่ถ้าเป็นคลินิกทั่วไป แต่ไม่ได้ขอห้องผ่าตัด แล้วไปแอบทำเสริมจมูก ทำตา อันนี้ถือว่าผิดกฎหมาย ตำรวจจับได้ครับ”
        สุดท้าย หมอศัลย์คนดัง ได้ฝากถึงคนที่มีแพลนอยากจะเสริมความงามทั้งหลาย เพราะการศัลย์กรรมมีความเสี่ยง แม้จะทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็ตาม และยังฝากไปถึงแพทย์รุ่นน้องที่สนใจในการเป็นศัลยแพทย์ ว่าควรนึกถึงตัวคนไข้และจริยรรมเป็นอันดับแรก

        “สำหรับคนที่อยากศัลยกรรมนะครับ

1.การทำศัลยกรรมมันมีความเสี่ยง คุณเห็นรีวิวมันไม่ใช่อย่างนั้นทั้งหมด อย่าไปเชื่อรีวิวมาก

2.คุณต้องดูก่อนว่าหมอคนนั้นเขาเป็นเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านศัลยกรรมหรือเปล่า แพทยสภาเขาก็เปิดให้เช็กชื่อหมอ สมมติดูแล้วยังไม่แฮปปี้ ให้มาหาในเว็บไซต์ของสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย

3.ต่อให้ทำกับศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ บางครั้งก็เกิดปัญหาได้เหมือนกัน แต่มันสามารถแก้ไขได้ หรือไม่ได้เลวร้าย และ 4.การผ่าตัดใหญ่เช่นว่าการดูดไขมัน การเสริมหน้าอก มันไม่ควรทำที่คลินิกนะ เมื่อมันเป็นการผ่าตัดใหญ่ ถ้ามันเกิดอะไรขึ้น โรงพยาบาลย่อมมีความพร้อมมากกว่า สมมติดูดไขมัน ใครว่าไม่อันตราย ดูดไปถ้าตัวเม็ดไขมันหลุดเข้าไปในเส้นเลือดปอด ตายอยู่ที่คลินิกเลยนะ เคยมีข่าวเมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว แต่พอข่าวเงียบคนก็ลืมกัน แต่ถ้ายังอยู่ที่โรงพยาบาลยังมีคนช่วย

      แล้วก็ต้องฝากเตือนน้องๆ แพทย์ที่สนใจจะทำศัลยกรรมความงาม อยากให้ไปเข้าระบบเรียนให้ถูกต้อง เพื่อที่จะสร้างความปลอดภัยให้คนไข้ คุณจะต้องยึดถือคนไข้เป็นที่ตั้ง เอาจริยธรรมทางการแพทย์เป็นหลัก ต้องเน้นเลย แล้วคุณก็จะรู้เองว่าควรจะทำหรือไม่ทำ”

ขอขอบคุณข้อมูลจาก MGR Online