ข่าวแม่สอด  :  แยกอันตรายตายเดือนละศพ หนุ่มพม่าสังเวยชีวิต ข้ามถนนถูกชนดับ

         เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด และหน่วยกู้ภัย อ.แม่สอด จ.ตาก ได้เร่งนำกำลังไปตรวจสอบที่หลักกิโลเมตรที่ 6 ถนนสายแม่สอด-อุ้มผาง แยกปากทางเข้าบ้านแม่ตาวใหม่ หมู่ที่ 3 ต.พระธาตุผาแดง อ.แม่สอด เมื่อคืนที่ผ่านมา (23 ธ.ค.) หลังรับแจ้งมีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนคนข้ามถนนมีผู้เสียชีวิต

แยกอันตรายตายเดือนละศพ หนุ่มพม่าสังเวยชีวิต ข้ามถนนถูกชนดับ

         ที่เกิดเหตุเป็นถนนกว้าง 4 เลนใหญ่ บริเวณไหล่ทางข้างถนนพบรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ ยี่ห้อฮอนด้า สีดำ ไม่ติดหมายเลขทะเบียน พลิกคว่ำไหล่ทาง ข้างรถพบ นายสุวสรรค์ อายุ 17 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บ จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลแม่สอด ล่าสุด อาการปลอดภัยแล้ว

         ขณะที่ห่างกันเล็กน้อย พบศพ นายเซโหว่ยหล่าย ไม่มีนามสกุล อายุ 57 ปี แรงงานภาคเกษตรกรรม สัญชาติพม่า นอนหงายหน้าเสียชีวิตอย่างเวทนา สภาพศพแขนขาหักหลายท่อน กะโหลกศีรษะแตกยุบมีเลือดไหลเต็มใบหน้า เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ

แยกอันตรายตายเดือนละศพ หนุ่มพม่าสังเวยชีวิต ข้ามถนนถูกชนดับ

         ข้างศพยังพบตัว น.ส.แมหล่าอู อายุ 31 ปี บุตรสาวนั่งกอดศพผู้เป็นพ่อ ร่ำไห้แทบขาดใจ จนเจ้าหน้าที่ต้องเข้ามาปลอบ แล้วนำไปสงบสติอารมณ์

         จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายเซโหว่ยหล่าย ซึ่งเป็นแรงงานรับจ้างทำงานในไร่อ้อย ได้เร่งเก็บเกี่ยวอ้อยในไร่ และทำงานล่วงเวลาตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงกลางดึก เพื่อเร่งเก็บเงินเตรียมตัวพาครอบครัวกลับบ้านเกิดไปเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงในไม่กี่วัน

แยกอันตรายตายเดือนละศพ หนุ่มพม่าสังเวยชีวิต ข้ามถนนถูกชนดับ

         เมื่อเลิกงาน นายเซโหว่ยหล่าย ได้รีบวิ่งข้ามถนนเพื่อข้ามฝั่งไปหาลูกสาวที่บ้านฝั่งตรงข้ามแนวถนน แต่ระหว่างวิ่งข้ามถนนก็ถูกรถจักรยานยนต์ที่ขับมาด้วยความเร็วสูง พุ่งชนจนร่างลอยกระเด็นไปไกลหลายเมตร เสียชีวิตทันทีในจุดเกิดเหตุ

         ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุชาวบ้านต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเกิดอุบัติเหตุบริเวณทางแยกแห่งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นเกือบทุกวัน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บล้มตายอยู่เป็นประจำ จนกล่าวได้ว่า มีผู้มาจบชีวิตด้วยอุบัติเหตุที่จุดนี้เดือนละ 1 ศพ จนชาวบ้านต่างไม่กล้าจะขับรถผ่านช่วงกลางคืน เนื่องจากกลัวสิ่งลี้ลับเรื่องตัวตายตัวแทน

 

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ  :  http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9590000127855