ข่าวทั่วไป : ป.ป.ส.คุมเข้ม-บุหรี่ไฟฟ้า ชี้อันตรายต่อสุขภาพ ลั่นนำเข้ามีโทษหนักคุก 10 ปี

       ป.ป.ส. คุมเข้ม “บุหรี่ไฟฟ้า” เตือนอันตรายต่อสุขภาพเพราะมีสารนิโคติน ชี้ คนนำเข้ามีโทษหนักจำคุกไม่เกิน 10 ปี สำหรับผู้ขายจำคุกไม่เกิน 5 ปี
       จากกรณีที่ รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัวมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้ข้อมูลถึงความสัมพันธ์ของการใช้บุหรี่ไฟฟ้าของเด็กวัยรุ่นนั้น
       วันนี้ (25 ก.ค.) นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าว รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัวมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ติดตามผลการศึกษาวิจัยที่ลงใน Journal of Adolescent Health ฉบับที่ 60 ประจำเดือนมิถุนายน 2560 สำนักงาน ป.ป.ส. จึงขอแจ้งเตือนเยาวชน รวมถึงผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า ว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะในบุหรี่ไฟฟ้ามีสารนิโคติน ซึ่งมีอำนาจเสพติดสูง นิโคตินออกฤทธิ์กระตุ้นสมอง กระตุ้นหัวใจ ทำให้เส้นเลือดหดตัว ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
       เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า ยังได้แจ้งเตือนผู้ที่นำเข้า หรือขาย หรือให้บริการบุหรี่ไฟฟ้า จัดเป็นผลิตภัณฑ์ยาสูบ ตามพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 และตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ ณ วันที่ 12 ธันวาคม 2557 เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าและบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ซึ่งหากมีผู้ฝ่าฝืนนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามายังประเทศไทย จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับเป็นเงิน 5 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ริบสินค้าเหล่านั้น รวมถึงพาหนะที่ใช้บรรทุกสินค้านั้นด้วย และคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ฉบับที่ 9/2558 ห้ามขาย หรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า หรือ บุหรี่ไฟฟ้า หรือ ตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้า หรือ บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งมีโทษสำหรับผู้ขาย ผู้ให้บริการ โดยจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากผู้ฝ่าฝืนเป็นผู้ผลิต ผู้สั่ง ผู้นำเข้าเพื่อขาย จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดย สำนักงาน ป.ป.ส. จะดำเนินการติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังปัญหาดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

ขอขอบคุณข้อมูล-ภาพ จาก http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9600000075822