ข่าวไอที : มาแล้ว! สงคราม Mobile Wallet แทนการชำระเงินด้วยเงินสด

         บางท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าขณะนี้ในบางประเทศได้มีการใช้ Mobile Wallet หรือกระเป๋าเงิน/สตางค์อิเล็กทรอนิกส์อย่างแพร่หลาย Mobile Wallet คือแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือที่สามารถใช้ในการชำระเงินสำหรับการซื้อสินค้าได้ทั้งในร้านค้าออนไลน์และร้านค้าปกติทั่วไป ทำไม Mobile Wallet จึงเป็นที่นิยมอย่างมาก ก็เนื่องจากว่าปัจจุบันโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนสามารถใช้งานได้หลากหลาย และมีราคาที่ถูกลงมาก ทำให้ประชาชนทุกระดับสามารถเข้าถึงได้ ดังนั้นการโหลดแอพพลิเคชั่นสำหรับการชำระเงินบนโทรศัพท์มือถือนั้นสะดวก รวดเร็ว และก็ง่าย จึงเป็นที่ยอมรับแทบทุกประเทศ ในการใช้ Mobile Wallet ชำระเงินโดยทั่วไปในปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่นในประเทศอินเดียได้มีผู้ใช้งาน Mobile Wallet ของ Paytm จำนวนไม่ต่ำกว่า 200 ล้านคน ผู้ใช้งานสามารถจะใช้ Paytm ในการชำระเงิน ค่าสินค้า บริการ และอาหารต่างๆ ได้หลากหลายตั้งแต่ระดับห้างสรรพสินค้า ห้างร้านทั่วไป จนไปถึงร้านหาบเร่แผงลอยข้างถนน ในปี 2017 คาดว่าจะมีรายการชำระเงินผ่าน Paytm ประมาณ 2,000 ล้านรายการ

         อีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนอยู่ในประเทศจีน ซึ่งมีประชาชนใช้ Mobile Wallet ของ Alipay อยู่ไม่ต่ำกว่า 450 ล้านคน Alipay เป็นเจ้าของเดียวกับอาลีบาบา เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่มีชื่อเสียงในการขายของทั่วโลก และประเทศจีนมีประชาชนใช้ Mobile Wallet ของ WeChat Pay อยู่ไม่ต่ำกว่า 600 ล้านคน WeChat Pay เป็นของ Tencent เจ้าของเดียวกับ WeChat ซึ่งมีผู้ใช้งานอยู่เกือบ 1 พันล้านคนทั่วโลก

       หลายคนคงสงสัยว่าทำไมคนจึงแห่กันมาใช้ Alipay หรือ WeChat Pay ในการชำระเงิน ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ซื้อสินค้าข้างทาง ซื้อสินค้าตามห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ หรือร้านอาหารต่างๆ ทั่วประเทศจีน สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการใช้โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนนั้นง่ายต่อการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้และเข้าใจอะไรมากนัก อีกทั้งประชาชนชาวจีนมีความตื่นตัวในการใช้งาน โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ที่ใช้โทรศัพท์มือถือและเทคโนโลยีต่างๆ เป็นเครื่องมือในการดำเนินงาน กิจการ รวมถึงใช้งานในชีวิตประจำวัน

       การใช้ Mobile Wallet นั้นก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่หลายประการ ข้อดี ก็คือว่าหากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศมีการใช้ Mobile Wallet จำนวนมาก เราเรียกอีกอย่างว่าสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) คือไม่มีการใช้เงินสดในการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการอีก ดังนั้นจึงเป็นการลดต้นทุนของธนาคารหรือหน่วยงานต่างๆ ในการเก็บรักษาเงินสด แลกเปลี่ยนเงินหรือทอนเงิน การโยกย้ายเงินสด ในการจัดการเกี่ยวกับเงินสด ซึ่งปัจจุบันการรักษาเงินสดนั้นต้องมีการรักษาความปลอดภัยจากการโจรกรรม การโกง หรือยักยอกเงินภายในองค์กร อีกทั้งภาครัฐก็ไม่จำเป็นต้องผลิตเหรียญ ธนบัตร เงินตรา รวมถึงพัฒนาเทคโนโลยีสร้างธนบัตรเพื่อป้องกันการปลอมแปลงธนบัตร และยังสามารถตรวจสอบรายการชำระเงินระหว่างหน่วยงานและบุคคลได้อย่างครบถ้วน ส่วน ข้อเสีย ก็คือการชำระเงินผ่าน Mobile Wallet นั้นทำให้ชีวิตของเราต้องไปพึ่งพาโทรศัพท์มือถือมากขึ้น ตัวอย่างเช่นหากโทรศัพท์มือถือแบตเตอรี่หมด หรือผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่น Mobile Wallet นั้นมีปัญหาขัดข้องในการใช้งาน แน่นอนอยู่แล้วว่าเราไม่สามารถจะชำระเงินซื้ออะไรได้เลย ต่อไปเราอาจจะเห็นการใช้เงินสดเฉพาะนักท่องเที่ยวเท่านั้น เนื่องจากไม่สามารถเปิดบัญชีบน Mobile Wallet ได้ (ในปัจจุบันยังเป็นข้อจำกัดในการยืนยันตัวตนของผู้ใช้ ซึ่งจะยอมรับเฉพาะพลเมืองของประเทศนั้นๆ เท่านั้น) แต่ในอนาคตเมื่อเราต้องการไปเที่ยวประเทศไหน แทนที่จะต้องไปรู้ว่าเขาใช้สกุลเงินอะไรในการจับจ่ายใช้สอย อัตราแลกเปลี่ยนเป็นเท่าไร จะต้องเปลี่ยนมาศึกษาว่าเขาใช้ Mobile Wallet อะไรและจะเปิดบัญชีใช้อย่างไรแทน

       ในปัจจุบันทั่วโลกมีแอพพลิเคชั่นที่อยู่บนโทรศัพท์มือถือแบบแบบสมาร์ทโฟนที่สามารถใช้เป็น Mobile Wallet จำนวนหลายร้อยหลายพันแอพพลิเคชั่น มีการแข่งขันให้ผู้ใช้นั้นโหลดไปใช้งาน โดยให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมาย เช่นการโอนเงินระหว่างบุคคล หรือการชำระค่าสาธารณูปโภคแบบไม่มีค่าธรรมเนียม ซึ่งแตกต่างจากธนาคารที่ยังมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมอยู่

        สำหรับในประเทศไทย ผู้ประกอบการต่างๆ ในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เริ่มมีความสนใจที่จะพัฒนา Mobile Wallet เพื่อการชำระเงิน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคาร กลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคม กลุ่มอีคอมเมิร์ซ หรือกลุ่มสตาร์ทอัพ การแข่งขันเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เราจะเห็นได้ว่าปัจจุบันมีโปรโมชั่นมากมายเพื่อที่จะเชิญชวนให้ประชาชนชาวไทยหันไปใช้ Mobile Wallet เพื่อการชำระเงิน ไม่ว่าจะเป็นการลดแลกแจกแถม ตัวอย่างเช่นหากชำระเงินผ่าน Mobile Wallet ของ WePay ท่านสามารถที่จะลดราคาในการเติมเงินโทรศัพท์มือถือได้ 2-10% หรือชำระเงินผ่าน AirPay ท่านสามารถจะซื้อตั๋วหนังได้ในราคาถูกโดยลดราคามากถึง 50%

       เนื่องจากว่าสัดส่วนของคนไทยที่ใช้ Mobile Wallet เพื่อการชำระเงินนั้นยังมีน้อย ประกอบกับร้านค้าที่ยอมรับการชำระเงินผ่าน Mobile Wallet ก็ยังมีน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศจีนและประเทศอินเดียที่มีสัดส่วนการชำระเงินด้วย Mobile Wallet มากถึง 40% และ 20% ตามลำดับ [Source: DBS Bank 2016]

       ดังนั้นหากผู้ประกอบการใดสามารถที่จะทำให้มีผู้ใช้ Mobile Wallet ของตนเองได้เป็นจำนวนมากย่อมเป็นผู้ได้เปรียบในการแข่งขันธุรกิจทางด้านนี้ ผู้ประกอบการจะได้ประโยชน์อะไรในการที่มีผู้ใช้ Mobile Wallet เป็นจำนวนมาก ทั้งๆ ที่การโอนเงินระหว่างบุคคลก็ไม่มีค่าธรรมเนียมในการโอนเงิน จะชำระเงินผ่านร้านค้าต่างๆ ก็ไม่มีค่าใช้จ่าย ผู้ประกอบการจะดำเนินธุรกิจแบบนี้ทำไม และหารายได้มาจากไหน หลายท่านอาจจะคิดว่าอีกหน่อยคงจะมีการโฆษณา Mobile Wallet เพื่อสร้างรายได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วธุรกิจเกี่ยวกับการชำระเงินนั้นเป็นธุรกิจที่เป็นหัวใจสำคัญของผู้ประกอบการทีเดียว โดยเฉพาะธนาคารหรือผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เพราะว่าจุดเริ่มต้นอาจมีผู้เข้ามาใช้ Mobile Wallet มากขึ้น แน่นอนว่าผู้ประกอบการยังสามารถที่จะขายของแบบออนไลน์บน Mobile Wallet ได้อีกด้วย ซึ่งอาจจะเป็นอีคอมเมิร์ซเล็กๆ ที่จะทำให้คนสามารถจะซื้อของได้โดยตรงโดยที่ไม่ต้องออกไปใช้แอพพลิเคชั่นอื่นๆ ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการที่สร้างมา และสิ่งที่สำคัญที่สุดตรงนี้ก็คือเราลองพิจารณาตัวอย่างของ Mobile Wallet ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลกก็คือ Alipay โดยเริ่มจากการเชิญชวนให้ประชาชนชาวจีนมาใช้ Mobile Wallet ในการชำระเงินผ่านเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ อาลีบาบา เถาเป่า และ TMALL เพื่อซื้อสินค้า และขยายไปยังห้างสรรพสินค้า ห้างร้านทั่วไป จนไปถึงร้านหาบเร่แผงลอยข้างถนน ทำให้มีจำนวนรายการซื้อของต่างๆ มากมายที่สามารถจะทำให้ Alipay วิเคราะห์ถึงพฤติกรรมการใช้เงินของคนแต่ละคน สถานะการเงินและความน่าเชื่อถือของบุคคลต่างๆ จนนำไปสู่การนำเสนอให้สินเชื่อ หรือการปล่อยเงินกู้กับลูกค้าที่มีเครดิตดี ผ่านบริษัท Ant Financial โดยในเดือนกันยายน ปี พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา สามารถปล่อยเงินกู้ในวงเงินทั้งหมดสูงถึงหนึ่งแสนล้านดอลล่าร์สหรัฐซึ่งทำให้เจ้าของบริษัทชื่อ แจ็ค หม่า ร่ำรวยติดอันดับ 13 ของโลกในปี 2017 นอกจากนี้ Alipay ยังนำเสนอให้ดอกเบี้ยการฝากเงินบน Alipay ผ่านหยูเอ๋อเป่า (Yu’e Bao) ประมาณร้อยละ 4 ซึ่งสูงกว่าธนาคารโดยทั่วไป และจ่ายดอกเบี้ยเป็นรายวัน ทำให้หยูเอ๋อเป่า มีทรัพย์สินในการบริหารทั้งหมดหนึ่งแสนหกหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

       ทั้งหมดนี้คือสาเหตุที่ทำไม ผู้ประกอบการไทยจึงต้องมาแย่งชิงตลาด Mobile Wallet และมีโปรโมชั่นต่างๆ มากมายเพื่อเชิญชวนให้คนไทยหันไปใช้งาน หากได้ครองจำนวนผู้ใช้สูงสุด ก็สามารถที่จะนำเสนอสินค้าและบริการอื่นๆ ตามมาได้อีกมากมาย

       สุดท้ายนี้ สิ่งที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งก็คือ หากผู้เล่นอย่างเช่น Facebook ที่มีผู้ใช้ทั่วโลกเป็นจำนวนมากอยู่แล้วหันมาสร้าง Mobile Wallet และอนุญาตให้ท่านสามารถโอนเงินจากธนาคารมาเก็บเอาไว้ ให้ดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าธนาคาร และสามารถที่จะโอนเงินระหว่างบุคคลที่เป็นเพื่อนใน Facebook ได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียม อะไรจะเกิดขึ้นกับธุรกิจในประเทศไทย และผู้ประกอบการไทยจะทำอย่างไรในสงคราม Mobile Wallet นี้

ขอขอบคุณข้อมูล-ภาพ จาก ผศ.ดร.รัฐกร พูลทรัพย์
อาจารย์ประจำหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศ
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9600000075033